นักเตะเยาวชนจากทั่วประเทศต่างล่าฝันในการฝึกกับ เลสเตอร์ ซิตี้ ทีมดังของเกาะอังกฤษ ภายใต้โครงการ ‘ฟ็อกซ์ฮันท์’ รุ่นที่ 3 ‘โจ’ ชินวัตร ชีมุล คือหนึ่งในผู้เล่นที่คัดติด และกำลังจะเดินตามรอยนักเตะ 2 รุ่นก่อนหน้านี้ที่ขึ้นไปติดทีมชาติไทยชุดเยาวชนกันหลายคน
‘โจ’ เกิดเมื่อวันที่ 22 มกราคม 2545 ภูมิลำเนาอยู่ที่ อ.ภูพาน จ.สกลนคร กองหน้าวัย 16 ปี กับความฝันอยากติดทีมชาติไทย นี่คือโอกาสสำคัญกับการเดินทางไปฝึกฝนที่ประเทศอังกฤษ แต่ก่อนจะมาถึงจุดนี้ก็ไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ
“ผมอยู่กับ ป้า ลุง ตา ยาย มาตั้งเเต่เด็ก เพราะพ่อแม่แยกทางกันตั้งแต่ผมอยู่ในท้อง แม่ต้องทำงานเลยไม่ค่อยได้อยู่ด้วยกัน” ‘โจ’ ชินวัตร เริ่มต้นเล่าเรื่องในวัยเด็ก
“ผมเรียนที่โรงเรียนบ้านกกปลาซิวนาโด่ ซึ่งเป็นบ้านเกิดผมเองครับ ตั้งแต่ อนุบาล ถึง ป.6 แล้วมาต่อ ม.1 ที่โรงเรียนวิบูลวิทยา จังหวัดระยอง ก็ได้พบกับ ‘โค้ชโจ’ ชานนท์ แสนทวีสุข แนะนำให้ผมเข้าไปคัดตัวที่โรงเรียนกีฬากรุงเทพมหานคร ผมก็ไปคัดจนติดครับ ก็เข้ากรุงเทพตอน ม.2 ‘โค้ชโจ’ อยากให้ผมเข้ามาที่โรงเรียนกีฬากรุงเทพมหานคร เพราะว่ามีทุนเรียน และมีโอกาสมากกว่า”
สำหรับ โรงเรียนกีฬากรุงเทพมหานคร เคยมีผู้เล่นที่เกิดปี พ.ศ. 2536 ก้าวขึ้นไปติดทีมชาติไทยถึง 3 คน คือ ‘เจ’ ชนาธิป สรงกระสินธ์, ‘ตั้ม’ ธนบูรณ์ เกษารัตน์ และ ‘บาส’ พีระพัฒน์ โน้ตชัยยา แต่หลังจากหมดรุ่นนี้สถาบันแห่งนี้ก็ว่างเว้นไปหลายรุ่นในการผลิตผู้เล่นป้อนเข้าสู่ทำเนียบทีมชาติไทย จนกระทั่ง ‘โจ’ ชินวัตร ผ่านการคัดเลือกเข้าไปฝึกกับ เลสเตอร์ ซิตี้ ถือเป็นความหวังใหม่ของ โรงเรียนกีฬากรุงเทพมหานคร
“ผมเข้ามาที่กรุงเทพ เรียนที่โรงเรียนกีฬากรุงเทพมหานคร และได้เล่นฟุตบอลกับที่นี่ ได้เรียนรู้ในความเป็นมืออาชีพและระเบียบวินัยในการฝึกซ้อมหลายอย่างที่ทำให้เราได้ศึกษาและทำให้เรารู้ว่าเราต้องตรงต่อเวลา ทำตามกฏและระเบียบที่ทางโรงเรียนได้ตั้งใว้ครับ”
‘โจ’ ชินวัตร และเพื่อนร่วมรุ่นของโรงเรียนกีฬากรุงเทพมหานคร ได้ประสบการณ์ที่ดีเมื่อ โปลิศ เทโร เอฟซี จับมือเป็นพันธมิตรลูกหนัง ส่งผลให้ได้ลงเล่นไทยแลนด์ ยูธ ลีก 2017 รุ่นอายุไม่เกิน 15 ปี ในนาม โปลิศ เทโร เอฟซี หลังจากนั้นผ่านการคัดเลือกเข้าสู่โครงการ ‘ฟ็อกซ์ฮันท์’ รุ่นที่ 3 ‘โจ’ ชินวัตร เผยว่าแม่ถึงกับร่ำไห้เลยทีเดียว
“ตอนเข้ามาคัดก็คาดหวังไว้อยู่แล้วครับว่าอยากติด พอทำได้ก็รู้สึกดีครับที่จะได้เจอกับประสบการณ์ใหม่ๆ”
“แม่ก็ร้องไห้ครับผม ภูมิใจครับผมว่าลูกที่จากบ้านมาหาความฝันที่เมืองกรุง มันก็ไม่ง่ายครับ แม่ก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมาก แต่ผมก็ตั้งใจมาเรื่อยๆ ครับ จนถึงจุดนี้ที่ทำให้พ่อแม่ภูมิใจในระดับหนึ่งครับ”
อีกความประทับใจครั้งสำคัญของชีวิต ฟุตบอลนำพาให้เขาได้เจอพ่อเป็นครั้งแรก หลังจากแยกทางกับแม่ตั้งแต่ยังไม่ลืมตาดูโลก
“พ่อพึ่งติดต่อได้ตอนผมอายุ 14 ปี แต่ได้เจอกันจริงๆก็ที่กรุงเทพ เพราะเอกสารทุกอย่างที่ต้องทำให้คิงเพาเวอร์ ต้องเป็นพ่อแม่แท้ๆครับ”
“ตอนเจอหน้าพ่อผมพูดอะไรไม่ออกครับ คือตื้นตัน แล้วก็รู้สึกดีใจและภูมิใจที่เราได้มาเจอกันในที่สุดครับ”
นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น ‘โจ’ ชินวัตร ชีมุล จะต้องใช้ชีวิตที่ประเทศอังกฤษเป็นเวลา 2 ปีครึ่ง การไปฝึกฝนครั้งนี้เป็นเส้นทางที่จะทำให้เขาทำตามความฝัน คือการเลี้ยงชีพด้วยการเล่นฟุตบอล และการติดทีมชาติไทย
– Advertisement –