วันที่ 8 พฤศจิกายน 2560 เวลา 11.00 น. ณ สนาม เอ็มเอฟเอฟ สเตเดียม การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย รอบคัดเลือก กลุ่ม ไอ นัดสุดท้าย เป็นการตัดสินแชมป์ระหว่าง ทีมชาติไทย กับ ทีมชาติญี่ปุ่น
ก่อนหน้านี้ทั้งสองทีมต่างเก็บชัยชนะเหนือ สิงคโปร์ และ มองโกเลีย มาได้ แต่เป็นญี่ปุ่นที่มีประตูได้เสียดีกว่าที่ บวก 14 ส่วนไทยประตูได้เสีย บวก 5
เกมนี้ต้องลงเล่นท่ามกลางสภาพอากาศ ติดลบ 12 องศาเซลเซียส แต่ไม่มีหิมะ โดยมาร์ค อลาเบดร้า ปาลาซิโอส ยังฝากความหวังเกมรุกไว้ที่สิทธิโชค ภาโส และ เอกนิษฐ์ ปัญญา ส่วนแนวรับ มี กฤษดา กาแมน และ กัณตพัชห์ มันปาติ คอยคุม ขณะที่ผู้เล่นเกมนี้มีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยโดยเฉพาะในรายของ วุฒิชัย คุ่มเคี่ยม, นาคิน วิเศษชาติ ที่ได้โอกาสออกสตาร์ทเป็นตัวจริงครั้งแรกแทนที่ของ โชคอนันต์ สายมาอินทร์ และ สกุลชัย แสงโทโพธิ์
เริ่มเกมมาไม่ถึงสองนาที ญี่ปุ่นเกือบมาได้ประตูออกนำจากจังหวะวางบอลยาวและเป็น มิซุกิ อันโดะ ได้วอลเลย์ด้วยขวาบอลยังไปชนเสาสองกระเด้งออกมา
ญี่ปุ่นยังเป็นฝ่ายครองเกมได้มากกว่า แต่เป็นไทยที่เกือบมาได้ประตูขึ้นนำในนาทีที่ 14 จากลูกฟรีคิกที่นาคิน วิเศษชาติ ได้สอดขึ้นไปยิงแต่ติดเซฟของ โอซาโกะ เคซุเกะ แบบหวุดหวิด
นาที 16 ญี่ปุ่นมาได้ลุ้นอีกครั้งจากจังหวะที่ เคียวสุเกะ ทากาวะ พลิกบอลหลบสองแนวรับทีมชาติไทย ก่อนกดด้วยซ้ายแต่ติดเซฟของกัณตพัชห์ มันปาติ
ญี่ปุ่นยังพยายามบุกอย่างหนักแต่ยังเจาะไม่เข้าและนาที 25 เป็น ฮิโรกิ อิโตะ ได้ลองยิงไกลด้วยซ้ายแต่ก็ยังไปตรงตัวของกัณตพัชห์ มันปาติ
ทัพซามูไรยังเป็นฝ่ายเดินหน้าบุกอย่างต่อเนื่องและนาที 40 เป็น วุฒิชัย คุ่มเคี่ยม สกัดผิดเหลี่ยม แต่บอลไปชนคานกระเด้งออกมา
ญี่ปุ่นยังบุกอย่างต่อเนื่องและ ฮิโรกิ อิโตะ ได้ลองยิงไกลด้วยซ้ายบอลเลี้ยวออกหลังไปอีก
ช้างศึกยังตั้งกำแพงรับไว้ได้อย่างเหนียวแน่นและไม่มีประตูเกิดขึ้นในครึ่งแรก ทั้งสองทีมยังเสมอกันอยู่ 0-0
เริ่มครึ่งหลังมาสองนาที ญี่ปุ่นมาได้ลุ้นจากการยิงของ ไซโต้ มิสุกิ แต่ยังไปติดเซฟของ กัณตพัชห์ มันปาติที่ปัดออกมาได้
และนาที 48 ไทยก็เปลี่ยนตัวคนแรกด้วยการส่ง โชคอนันต์ สายมาอินทร์ ลงมาเล่นแทน สิทธิโชค ภาโส
ญี่ปุ่นยังเดินหน้าบุกอย่างหนัก แต่ก็ยังเจาะไม่เข้า นาที 54 ก็ต้องลองยิงไกลจาก คันยะ ฟูจิโมโตะ แต่ก็ยังติดเซฟของ กัณตพัชห์ มันปาติ
ญี่ปุ่นยังเดินหน้าต่อเนื่อง แต่ก็ยังเจาะไม่เข้าและญี่ปุ่นก็เปลี่ยนตัวคนแรกด้วยการส่ง ฮิโรกิ อาเบะ ลงเล่นแทน ฟูมิยะ ซุกิอุระในนาที 61
นาที 62 ญี่ปุ่นก็มาได้ประตูขึ้นนำจากจังหวะที่แนวรับไทยสกัดบอลไม่ขาดและเป็น เคียวสุเกะ ทากาวะ ที่วอลเลย์ด้วยซ้ายเข้าไปให้ ญี่ปุ่นออกนำไทย 1-0
แต่นาที 65 ไทยก็มาได้ประตูตีเสมออย่างรวดเร็ว จากจังหวะโชคอนันต์ สายมาอินทร์ วอลเลย์ด้วยซ้ายเข้าไปให้ สกอร์กลับมาเท่ากันที่ 1-1
แต่ตีเสมอได้ไม่ถึงนาที ญี่ปุ่นก็มาได้ประตูขึ้นนำอีกครั้ง ในนาที 66 จาก เคียวสุเกะ ทากาวะ คนเดิม ที่ยิงเข้าไปให้ญี่ปุ่นขึ้นนำเป็น 2-1
หลังจากนั้นนาที 72 เกมต้องหยุดลงไปพักใหญ่ หลังกัณตพัชห์ มันปาติ ใช้หน้าเซฟลูกยิงของไดกิ ฮาชิโอกะ และต้องเข้ารับการปฐมพยาบาล
ญี่ปุ่นยังเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง และก็เปลี่ยนตัวอีกคนด้วยการส่ง ยูตะ โคเกะ ลงเล่นแทน มิสุกิ อันโดะ ในนาที 74
นาที 81 ไทยเปลี่ยนตัวคนที่สองด้วยการส่ง สุริยะ ใจสุข ลงไปเล่นแทน นราวิชญ์ เก้าสันเทียะ
นาที 86 ญี่ปุ่นเปลี่ยนตัวคนสุดท้ายด้วยการส่ง ไคโตะ อาเบะ ลงไปเล่นแทน ฮิโรโตะ ทานิกูชิ
นาที 87 ญี่ปุ่นเกือบมาได้ประตูทิ้งห่างจากจังหวะหลุดเดี่ยวของ ยูตะ โกเกะ ตัวสำรองแต่จังหวะสุดท้ายที่บอลผ่านกัณตพัชห์ มันปาติไปแล้วแต่ไปชนเสาสองกระเด้งออกมาหวุดหวิด
นาที 89 ญี่ปุ่นมาได้ลุ้นอีกครั้งจากลูกโหม่งของ ยูตะ โกเกะ แต่บอลก็หลุดเสาสองออกไปหวุดหวิด
ช่วงเวลาที่เหลือไม่มีประตูเพิ่มเติม จบเกมทีมชาติไทยรุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี พ่าย ญี่ปุ่นไป 1-2 ทำให้ญี่ปุ่นผ่านเข้ารอบสุดท้ายการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย U19 ที่อินโดนีเซียแน่นอนแล้วด้วยการเป็นแชมป์กลุ่ม ส่วนไทย ต้องไปลุ้นกับสายอื่นในการเป็นอันดับ 2 ที่ดีที่สุดห้าจากสิบทีม
สำหรับฟุตบอลชายทีมชาติไทยรุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี จะเดินทางกลับประเทศไทย ในวันที่ 9 พฤศจิกายน 2560 โดยจะถึงท่าอากาศยาน นานาชาติสุวรรณภูมิ ในเวลา 23.45 น. โดยประมาณ
รายชื่อ 11 ตัวจริงทีมชาติไทยรุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี
กัณตพัชห์ มันปาติ(GK),จตุรพัช สัทธรรม,ธีรภัทร เลาหบุตร ,กฤษดา กาแมน(c),วุฒิชัย คุ่มเคี่ยม,กฤษฎา นนทรัตน์,นรากร นุ่มจันทร์สกุล,เอกนิษฐ์ ปัญญา,นาคิน วิเศษชาติ,นราวิชญ์ เก้าสันเทียะ,สิทธิโชค ภาโส